นโยบายความเป็นส่วนตัว
ข้อมูลความเป็นส่วนตัว
หลักการ และข้อกำหนด
บริษัท มีความมุ่งมั่น และตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy) ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำคัญในความเป็นส่วนตัว (Privacy Right) ที่ต้องได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และหลักปฎิญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Right) ซึ่งบุคคลใดจะถูกแทรกแซงตามอำเภอใจในความเป็นส่วนตัวมิได้ โดยบริษัทมีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล และปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด ในการปฎิบัติกิจกรรมทางธุรกิจ ที่จะตอบสนองต่อความรับผิดชอบในสังคม นโยบายส่วนบุคคลนี้ จะแจ้งสำหรับความพยายามในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลทั้งภายในและภายนอกที่ติดต่อเกี่ยวกับจุดประสงค์ของบริษัท มีการควบคุมดูแลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อความเหมาะสม ปลอดภัยและเชื่อถือได้
ขอบเขต
นโยบายนี้มีผลบังคับใช้ ดังนี้
- คณะกรรมการบริษัท กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับ ของบริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ
- การดำเนินงานของบริษัท ทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินงาน ภายใน ภายนอก รวมถึงเว็บไซด์ เป็นต้นว่า ช่องทางการได้มาซึ่งข้อมูล การเก็บข้อมูล ประเภท และรูปแบบของข้อมูลที่จัดเก็บ วัถตุประสงค์ในการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ การแบ่งปันข้อมูลให้กับบุคคลอื่น ตลอดจนวิธีการที่บริษัท ดำเนินการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พันธมิตรทางธุรกิจ สำหรับผู้ถือหุ้น (โปรดดูรายละเอียด นโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี)
- หากข้อมูลการบังคับใช้ และอื่น ๆ ที่มิได้ระบุในนโยบายฉบับนี้ หรือมีการเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย บริษัท จะถือปฎิบัติตาม พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เป็นสำคัญ
คำนิยาม
- “บริษัท” หมายถึง บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ
- “คณะกรรมการ” หมายถึง กรรมการบริษัทฯ และ บริษัทในเครือ
- “ผู้บริหาร” หมายถึง ผู้บริหารของบริษัทฯ และ บริษัทในเครือ
“พนักงาน” หมายถึง พนักงานในระดับรองลงมาจากระดับผู้บริหารของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ - “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ที่ถูกระบุตัวตน หรือสามารถระบุถึงตัวตนนั้นได้ เป็นต้นว่า ชื่อ สกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด เพศ ประวัติการศึกษา หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน และข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม
- “ข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องต่อบุคคลธรรมดาที่ระบุตัวตนได้ เช่น เลขทะเบียนบริษัท ข้อมูลในการติดต่อธุรกิจ ข้อมูลนินาม ข้อมูลผู้ตาย
- “ข้อมูลที่อ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ห้ามมิให้เก็บรวบรม โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เนื่องจากสุ่มเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเบือกปฎิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จึงจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัญา พฤติกรรมทางเศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพหรือสุขภาพจิต ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ และข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการประกาศ
- “ผู้ควบคุมข้อมูล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- “ผู้ประมวลผลข้อมูล” หมายถึง บุคคล หรือนิติบุคคลที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ รหือเปิดเผยข้อมูลส่วนุคคลตามคำสั่ง หรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ผู้ประมวลผลจะต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล” หมายถึง บุคคลที่ถูกแต่งตั้ง ให้มีหน้าที่ให้คำแนะนำ และตรวจสอบการดำเนินงานของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้ปฎิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- “เจ้าของข้อมูล” หมายถึง บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้นว่า พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น
- “บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดา
- “บุคคลภายนอก หรือ บริษัทภายนอก” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลนอกเหนือจากเจ้าของข้อมูล ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจ้างให้ประมวลข้อมูลในนามบริษัทฯ
- “ข้อมูลระบบ” หมายถึง ข้อมูลที่บริษัทกำกับดูแล จัดเก็บโดยอัตโนมัติ เมื่อมีการล็อคอินเข้าสู่ระบบของบริษัท หรือเว็บไซด์ รวมถึง ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ที่อยู่ไอพี ประเภทของบราวเซอร์ โดเมน ประวัติเว็บไซด์ที่เยี่ยมชม เวลาการใช้งาน ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณค้นหา หรือดูในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์ หรือเว็บไซด์ ซึ่งทุกข้อมูลจะได้รับการจัดการความปลอดภัย และดูแลป้องกัน (โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในนโยบายสารสนเทศ)
สิทธิหน้าที่
- เจ้าของข้อมูล ให้ความยินยอมในให้ใช้ จัดเก็บ เปิดเผย ตามสิทธิที่มี รวมถึงการขอลบ คัดค้าน ขอใช้ รับ-โอน หรือขอทำลายข้อมูล ระงับการใช้ แจ้งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ถูกต้องทันสมัย และสมบูรณ์อยู่เสมอ รวมถึงการเพิกถอนความยินยอม (สิทธิของเจ้าของข้อมูลเอกสารแนบท้าย หมายเลข1)
- ผู้คุ้มครองข้อมูล ให้คำแนะนำ ปรึกษา ตรวจสอบการดำเนินงาน ประสานงานติดต่อ และรักษาความลับ (ประกาศแต่งตั้งฯ เอกสารแนบท้าย หมายเลข2)
ผู้ประมวลผลข้อมูล เก็บ-ใช้/เปิดเผยตามคำสั่ง จัดให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยที่เหมาะสม แจ้งเหตุละเมิดให้ผู้ควบคุมข้อมูลทราบ จัดทำรายงานและเก็บรักษา (ประกาศแต่งตั้งฯ เอกสารแนบท้าย หมายเลข2) - ผู้ควบคุมข้อมูลจัดมาตรการดูแลความปลอดภัยที่เหมาะสม ทบทวน สม่ำเสมอ ลบ ทำลายข้อมูล เมื่อพันระยะเวลาเก็บรักษา แจ้งเหตุละเมิดภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ จัดทำรายงานและเก็บรักษา(ประกาศแต่งตั้งฯ เอกสารแนบท้ายหมายเลข 2)
การได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ที่จะเกี่ยวข้องกับพนักงาน ผู้สมัคร ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พันธมิตรทางธุรกิจ โดยได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง หรือบุคคลที่ 3 ตามวัถตุประสงค์ในการดำเนินการที่จำเป็น เช่น
- การติดต่อธุรกรรม กรอกแบบฟอร์ม ให้ความคิดเห็น คำติชม หรือสอบถามข้อมูลผ่านช่องทางเว็ปไซต์ แอปพลิเคชัน โทรศัพท์ อีเมล การพบปะกันโดยตรง หรือโดยวิธีการอื่นใด
- การเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด การจับสลากชิงโชค งานอีเว้นท์ และกิจกรรมอื่น ๆ
- การให้บริการผ่านเว็ปไซต์ แอพพลิเคชัน หรือผู้ให้บริการ E-Commerce
- การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ แหล่งข้อมูลทางการค้า หรือแหล่งข้อมูลจาก Social Media ไม่ว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลด้วยตนเอง หรือได้ให้ความยินยอมแก่ผู้ใดในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
- การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลที่สาม อาทิ บุคคลในครอบครัว บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ผู้รับผลประโยชน์ ผู้ค้าประกันการทางาน เว็บไซต์สมัครงาน บุคคลอ้างอิง บริษัทจัดหางาน หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ธนาคารหรือผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท ไม่ว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลด้วยตนเอง หรือได้ให้ความยินยอมแก่ผู้ใดในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
- การส่งมอบเอกสารประกอบการทาสัญญาทางธุรกิจ หรือสัญญาจ้างกับบริษัท
- การส่งมอบเอกสารประกอบใบสมัครงาน
- การบันทึกภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวโดยกล้องวงจรปิด (CCTV) ในสถานที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท
- การเข้าชมเว็บไซต์บริษัทไม่ว่าจะโดยเจตนา หรือไม่เจตนา
ซึ่งข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จะได้มาโดยความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล และ/หรือปฎิบัติในฐานพันธสัญญา กฎหมาย ภารกิจของรัฐ ประโยชน์ที่สำคัญแห่งชีวิต โดยเจ้าของข้อมูลจะเลือกที่จะให้ข้อมูล หรือไม่ให้ข้อมูลก็ได้ อย่างไรก็ตามหากบริษัท ไม่ได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล อาจมีบางกิจกรรมที่ทางบริษัท ไม่สามารถมอบความช่วยเหลือ หรือดำเนินการให้ได้ หากไม่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล กระทำภายใต้วัตถุประสงค์ และเพียงเท่าที่จำเป็นตามกรอบวัตถุประสงค์ หรือเพื่อประโยชน์ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง กับวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม โดยแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบก่อน หรือในขณะที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีวิธีการที่ถูกกฎหมาย และชอบธรรม ข้อมูลดังกล่าว ได้แก่
ข้อมูลพนักงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน
- ชื่อ-นามสกุล
- เลขประจำตัวประชาชน, เลขหนังสือเดินทาง, เลขใบอนุญาตขับขี่, เลขประจำตัวผู้เสียภาษี, เลขบัญชีธนาคาร หรือสำเนาบัตรอื่น ๆ ที่สามารถใช้ระบุตัวบุคคลได้
- ที่อยู่, อีเมล์, เลขโทรศัพท์
- ข้อมูลทางชีวมิติ(Biometric) เช่น รูปภาพใบหน้า, ลายนิ้วมือ, ฟิล์มเอกซเรย์, ข้อมูลพันธุกรรม (กรุ๊ปเลือด)
- ข้อมูลระบุทรัพย์สินของบุคคล เช่น ทะเบียนรถยนต์, จักรยานยนต์
- ข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลข้างต้นได้ เช่น วันเกิดและสถานที่เกิด, เชื้อชาติ,สัญชาติ, น้ำหนัก, ส่วนสูง, ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ (location),ข้อมูลการศึกษา, ข้อมูลทางการเงิน, ข้อมูลการจ้างงาน
- ข้อมูลหมายเลขอ้างอิงที่เก็บไว้ในไมโครฟิล์ม (VDO,รูปถ่าย)
- ข้อมูลการประเมินผลการทำงาน,การทดลองงาน หรือความเห็นของนายจ้างต่อการทำงานของลูกจ้าง
- ข้อมูลประวัติการตรวจสุขภาพ,การตรวจสารเสพติด,รสนิยมทางเพศ
- ข้อมูลผู้ค้ำประกัน เอกสารทางการเงิน (ใบรับรองเงินเดือน,Slip เงินเดือน) สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และอื่น ๆ (ถ้ามี)
- ข้อมูลบิดา-มารดา บุตร หรือบุคคลที่อ้างอิงถึง
ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าว อาจได้มาจากผู้สมัครและพนักงาน ตาม (มาตรการและข้อกำหนด ข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้สมัครและพนักงาน เอกสารแนบท้าย หมายเลข 3)
ข้อมูลส่วนบุคคลในด้านสารสนเทศ
- ข้อมูลชื่อ – นามสกุล
- ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP address Cookie ID เป็นต้น
- ข้อมูลบันทึกต่าง ๆ ที่ใช้ติดตามตรวจสอบกิจกรรมต่างๆ ของบุคคล เช่น log file เป็นต้น
- ข้อมูลที่สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลอื่นในอินเทอร์เน็ต
ข้อมูลส่วนบุคคล ในด้านลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ
- ข้อมูลชื่อ – นามสกุล
- สำเนาบัตรประชาชน
- ที่อยู่,อีเมล์,หมายเลขโทรศัพท์
ทั้งนี้ หมายรวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถระบุตัวตนได้ นอกเหนือจากการระบุในข้างต้น
การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หรือเป็นการจำเป็น เพื่อ
ประโยชน์ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม และต้องได้รับความยินยอมของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ก่อน หรือในขณะนั้น เว้นแต่ในกรณี ดังต่อไปนี้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม
- เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการวางแผน หรือสถิติ หรือสำมะโนต่าง ๆ ของหน่วยงานของรัฐ
- เพื่อประโยชน์ต่อความมั่นคงแก่งราชอาณาจักร เศรษฐกิจ และการพาณิชย์ของประเทศ
- เพื่อป้องกันทรัพย์สิน หรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
- เพื่อประโยชน์แกการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
- เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะชน โดยชอบด้วยกฎหมาย
- เป็นการปฎิบัติตามคำสั่งศาล หรือกฎหมายที่กำหนด
ทั้งนี้ห้ามผู้บริหาร พนักงาน บุคคลภายนอก หรือบริษัทภายนอก นำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย และต้องปฎิบัติตามนโยบาย และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละประเทศที่ทางบริษัท ประกอบธุรกิจ
การจัดเก็บและคุณภาพของข้อมูล
ข้อมูลที่จัดเก็บ จะเก็บรวบรวมในพื้นที่ที่เหมาะสม ข้อมูลจะถูกต้อง ทันสมัย สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ จะมีการดำเนินการในขั้นตอนอันเหมาะสม เพื่อทำการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถ ระบุตัวตนได้ ตามระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดเป็นอย่างอื่น
การทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บนั้น ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้าน หรือถอดถอนความยินยอม ในการประมวลข้อมูลส่วนบุคคล ให้ทำลาย และลบข้อมูลออกจากระบบการจัดเก็บ โดยวิธีการที่ปลอดภัย และไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล
เมื่อพ้นระยะเวลาการจัดเก็บตามวัตถุประสงค์การใช้ง่านให้ทำลาย และลบข้อมูลส่วนบุคคลออกจากระบบ เว้นแต่ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามกฎหมาย
การรักษาความปลอดภัย
เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัย และความลับของข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด บริษัทได้มีมาตการ ดังต่อไปนี้
- กำหนดสิทธิในการเข้าถึง การใช้ การเปิดเผย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการแสดงหรือยืนยันตัวบุคคล ผู้เข้าถึง หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
- ในการส่ง ข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลที่ 3 หรือไปยังต่างประเทศ รวมถึงการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บบนฐานข้อมูลระบบอื่นใด ซึ่งผู้ให้บริการรับโอนข้อมูลปลายทางที่รับ หรือเก็บรักษาข้อมูล ต้องมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่า หรือดีกว่ามาตรการตามนโยบายนี้
- กรณีมีการฝ่าฝืนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบริษัท จนเป็นเหตุให้มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลสู่สาธารณะ บริษ้ท จะดำเนินการแจ้งเจ้าของข้อมูลให้ทราบโดยเร็ว รวมทั้งแจ้งมาตรการความรับผิดชอบ และช่วยเหลือ กรณีที่เกิดจากความบกพร่องของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ อันเกิดจากการใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคลที่ 3 รวมถึงการละเลย หรือเพิกเฉยการออกจากระบบ (Log Out) ฐานข้อมูล หรือระบบสื่อสารสังคมออนไลน์ของบริษัท โดยการกระทำของเจ้าของข้อมูล หรือบุคคลอื่นที่ได้รับความยินยอม
- บริษัท มีการดำเนินการสอบทาน และประเมินประสิทธิภาพของระบบรักษาข้อมูลส่วนบุคคลโดยการตรวจสอบภายใน
การส่ง หรือโอนข้อมูล
- การส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับการร้องขอหรือให้ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคคล เว้นแต่ไม่ต้องขอความยินยอม
- การโอนข้อมูล หรือส่งข้อมูล จะต้องไม่ใช้ หรือเปิดเผย เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้กับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- การส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ประเทศปลายทาง หรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ เว้นแต่
- เป็นไปตามกฎหมาย
- ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล แต่ต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ
- เป็นความมจำเป้ฯ เพื่อการปฎิบัติตามสัญญา ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นคู่สัญญา หรือ เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- เป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล กับบุคคคล หรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- เพื่อป้องกัน หรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือบุคคลอื่น เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยิมในขณะนั้นได้
- เป็นความจำเป็นเพื่อการดำเนนภารกิจ เพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
ความรับผิดชอบของบุคคล
คณะกรรมการ
- กำหนดให้มีนโยบาย และแนวปฎิบัคิการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- กำกับดูแลให้มีการนำนโยบายไปปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
ผู้บริหาร
- จัดให้มีระเบียบปฎิบัติ และมาตรการในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้เหมาะสม กับบริบทขององค์กร โดยให้สอดคล้องกับนโนบายและแนวปฎิบัติ กฎหมายของแต่ละประเทศที่บริษัทประกอบธุรกิจ และมาตรฐานสากล
- จัดให้มีโครงสร้างผู้รับผิดชอบ เพื่อดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามระเบียบปฎิบัติ
- จัดให้มีระบบการคัดเลือกบุคคล หรือนิติบุคคลที่มีระบบการคุ้มครองข้อมูลที่ได้มาตรฐานและสอดคล้องตามกฎหมาย ในกรณีที่บริษัทว่าจ้างบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ให้ดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลแทน
- กำกับดูแลให้มีการปฎิบัตตามนโยบาย และระเบียบปฎิบัติ ตลอดจนพัฒนาปรับปรุงวิธีการปฎิบัติให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้มีการรายงานผลอย่างสม่ำเสมอ
พนักงาน
- ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างระมัดระวัง ปฎิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับของบริษัทอย่างเคร่งครัด
- แจ้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทันที เมื่อพบการรั่วไหล หรือการละเมิดของข้อมูลส่วนบุคคล
- หากพบเห็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนนโยบายฉบับนี้ ให้แจ้งผ่านช่องทางการแจ้งเบาะแส และข้อร้องเรียนของบริษัท
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และต้องทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
- ต้องดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้ผู้นั้นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ กรณีที่ต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- จัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ หรือที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้ถอนความยินยอม เว้นแต่เก็บรักษาไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การเก็บรักษาตามกฎหมาย
- แจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่สำนักงานโดยไม่ชักช้าภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้ เว้นแต่การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อ สิทธิและเสรีภาพของบุคคล ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพ ของบุคคล ให้แจ้งเหตุการละเมิดให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยา โดยไม่ชักช้า
- ต้องแต่งตั้งตัวแทนของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเป็นหนังสือ ซึ่งตัวแทนต้องอยู่ในราชอาณาจักรและตัวแทนต้องได้รับมอบอำนาจ ให้กระทำการแทนผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีข้อจำกัดความรับผิดใด ๆ ที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- จัดทำบันทึกรายการ ดังนี้
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม
- วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท
- ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิและวิธีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและเงื่อนไขในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
- การใช้หรือเปิดเผย โดยได้รับความยินยอม
- การปฏิเสธคำขอหรือการคัดค้าน ของเจ้าของข้อมูล
- จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมตามหน้าที่ของแต่ละบุคคล
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งที่ได้รับ จากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น เว้นแต่คำสั่งนั้นขัดต่อกฎหมายหรือบทบัญญัติในการคุ้มครอง
- จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ รวมทั้ง แจ้งให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลที่เกิดขึ้น
- จัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลไว้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่เหมาะสม หากผู้ประมวลผลไม่ปฎิบัติตามในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลใด ให้ถือว่าผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- แจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทันทีเมื่อตรวจพบ
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- ควบคุม และตรวจสอบดำเนินการของบริษัทให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการจัดการกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ ตลอดจนการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการด้านข้อมูลส่วนบุคคล
- ให้คำปรึกษา และแนะนำคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ในการปฎิบัติตามกฎหมายให้ถูกต้อง
- เป็นศูนย์กลางในการประสานงาน และให้ความร่วมมือในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ประมวลผล รวมถึงลูกจ้าง หรือผู้รับจ้าง ให้ปฎิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรักษาควมบลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ล่วงรู้ หรือได้มาเนื่องจากการปฎิบัติหน้าที่
คำรับรอง
บริษัท จะนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้เพื่อการประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลเป็นหลัก จะไม่เปิดเผยข้อมูลให้แก่บุคคลที่ 3 โดยปราศจากความยินยอม ยกเว้นความจำเป็นที่ไม่ต้องขอความยินยอมที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ทั้งนี้ จะรักษาข้อมูลให้ถูกต้องโดยมีผู้ควบคุมข้อมูล และประมวลผลข้อมูล
บทกำหนดโทษ
บริษัท กำหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการดำเนินการเรื่องใด เรื่องหนึ่งตามหน้าที่ของตน หากละเมิด ละเลย หรือละเว้น สั้งการ ไม่สั่งการ ไม่ดำเนินการหรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในหน้าที่ของตน อันเป็นการฝ่าฝืนนโยบาย และแนวทางปฎิบัติเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล จนเป็นเหตุให้เกิดความผิดตามกฎหมาย และ/หรือความเสียหายขึ้น ผู้นั้นต้องรับโทษทางวินัยตามระเบียบของบริษัท โดยบริษัทจะไม่ประนีประนอมให้กับความผิดใด ๆ ที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบได้กระทำขึ้น โดยผู้นั้นต้องรับโทษทางกฎหมายตามความผิดที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ หากความผิดดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท และ/หรือบุคคลอื่นใด บริษัทอาจพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้การกำหนดโทษให้รวมถึงผู้บริหารและพนักงานทุกคน
การทบทวนนโยบาย
บริษัท จะทำการทบทวนนโยบายนี้ เป็นครั้งคราว เพื่อให้สสอดคล้องกับการดำเนินงานของบริษัท หรือกรณีที่กฎหมายมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข
การร้องทุกข์ และการแจ้งเบาะแส
โดยทุกท่านสามารถติดต่อผู้ควบคุมข้อมูลได้ที่
บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 270 ถนน เลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร 10160
โทร. 02-807-3347-9
E-Mail: PDPA@seliccorp.com หรือ www.seliccorp.com